กทม. ตรวจการรื้อถอนแท่นน้ำประปาดื่มได้ จำนวน 400 จุด นำเครื่องจักรพร้อมกำลังคนเข้าดำเนินการรื้อถอน พร้อมจัดซ่อมผิวทางเท้าให้อยู่ในสภาพเดิม คืนผิวทางเท้าให้ประชาชน
วันที่ 24 ธันวาคม 2564 จส.100 รายงานว่า นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจการรื้อถอนแท่นน้ำประปาดื่มได้ สำหรับโครงการสนับสนุนการติดตั้งแท่นน้ำประปาดื่มได้ จำนวน 400 จุด เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2542 โดยการประปานครหลวง (กปน.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และภาคเอกชน
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ “ร้อยตรีหญิงจุฑารัตน์ เพชรโสม” เป็นร้อยโทหญิง
- ราคาทองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์-ทองคำเพื่อลงทุนในไทยพุ่ง
มีวัตถุประสงค์โครงการในขณะนั้น เพื่อคืนกำไรให้สังคม ด้วยการมีส่วนร่วมในการดูแลความเป็นอยู่ที่ดีมีสุข และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวกรุงเทพมหานคร และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ปัจจุบันจุดติดตั้งแท่นน้ำประปาดื่มได้ จำนวน 400 จุด มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ขาดการบำรุงรักษา และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ทำให้เกิดการกีดขวางทางเท้าและเกิดความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย กระทบต่อทัศนียภาพของเมือง
สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้ส่งหนังสือขอความเห็นชอบยกเลิกการสนับสนุนโครงการติดตั้งแท่นน้ำประปาดื่มได้ จำนวน 400 จุด และมีหนังสือแจ้งยกเลิกการให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยขอให้การประปานครหลวง ดำเนินการรื้อถอนแท่นน้ำประปาดื่มได้และอุปกรณ์ประกอบทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย. 2564 จัดซ่อมพื้นที่ทางเท้ากลับคืนสู่สภาพเดิมภายใน 30 วัน
ซึ่งการประปานครหลวง เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด หากการประปานครหลวง ไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด กรุงเทพมหานครจะเป็นผู้ดำเนินการโดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการประปานครหลวง
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้สำนักงานทั้ง 50 เขต สำรวจจุดติดตั้งตั้งแท่นน้ำประปาดื่มได้ในพื้นที่รับผิดชอบที่ยังไม่ได้ดำเนินการรื้อถอน และแจ้งข้อมูลให้สำนักการจราจรและขนส่งรับทราบ เพื่อประสานสำนักการโยธา นำเครื่องจักรพร้อมกำลังคนเข้าดำเนินการรื้อถอน
พร้อมจัดซ่อมผิวทางเท้าให้อยู่ในสภาพเดิม เป็นการคืนผิวทางเท้าให้ประชาชน สอดคล้องกับโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานคร ให้มีความสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน รวมถึงผู้สูงอายุและคนพิการในการสัญจรเชื่อมต่อการเดินทางได้อย่างปลอดภัยยิ่งขึ้น